skip to main |
skip to sidebar
การถ่ายภาพบุคคลนั้น แสงที่ใช้ในการถ่ายภาพบุคคลสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทคือ แสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ แสงธรรมชาตินั้นคือแสงจากดวงอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นแสงประดิษฐ์คือแสงที่มนุษย์ได้ทำขึ้นเช่น แสงไฟในสตูดิโอ เป็นต้น สำหรับเทคนิคในการถ่ายภาพบุคคลด้วยแสงธรรมชาตินั้น สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. จงหลีกเลี่ยงฉากหลังที่มาแย่งความสนใจของบุคคล วัตถุในภาพควรเป็นเพียงส่วนประกอบเพื่อให้บุคคลในภาพเด่นเท่านั้น เช่นภาพคนกำลังวาดภาพ แปรงสี, ภู่กันหรือจานสี ก็เป็นองค์ประกอบที่สร้าง ความรู้สึกทั่วไปในภาพให้ผสมกลมกลืนกับบุคคลที่เป็นช่างศิลปในภาพฉากหลังที่มารบกวน เช่นกำแพง อิฐ หรือสิ่งอื่นใดควรขจัดทิ้งไปซึ่งอาจจะทำได้หลายวิธี คือเปิดรูรับแสงให้กว้างๆเพื่อให้ภาพมีความชัดลึกน้อย หรือเราจะจัดฉากหลังให้เป็นกลางโดยใช้ท้องฟ้าเป็นฉากหลังพยายามจัดตัวแบบให้อยู่บนเนินหรือกำแพง เพื่อเปิดโอกาสให้ถ่ายภาพมุมต่ำได้ หรือแม้แต่พื้นดินหรือสนามหญ้าฯลฯ ก็ใช้เป็นฉากหลังเรียบๆ โดยการถ่ายภาพมุมสูง คือกดกล้องให้ต่ำลง ถ้ามีวัตถุอื่นเป็นฉากหลังควรจัดเสียใหม่
2. ให้ตัวแบบทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อแก้ความเคอะเขินของตัวแบบ เช่นให้ถือของบางอย่าง เช่นหนังสือช่อดอกไม้ เป็นต้น หรือบางสิ่งบางอย่างที่สามารถบอกลักษณะของบุคคลได้ พยายามถ่ายบุคคลให้สัมพันธ์กับกิจกรรมที่เขาทำอยู่ เช่นเด็กกำลังเล่นของเล่นผู้หญิงกำลังจัดดอกไม้เป็นต้นในกรณีการถ่ายภาพเด็ก จำเป็นมากเพราะหากจู่ๆก็เข้าไปถ่ายภาพเด็กทันที เด็กไม่คุ้นเคยก็จะเกิดความตื่นกลัวไม่ยอมให้ถ่ายหรือถ่ายได้ภาพที่ไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นขณะกำลังถ่ายจึงควรแนะนำให้เด็กเล่นอะไรที่สนุก หรือหาของเล่นมาให้ จงปล่อยให้เด็กเป็นตัวของตัวเองแล้วค่อยจับอากัปกิริยาที่ต้องการมีข้อห้ามอยู่ 3 ข้อในการถ่ายภาพเด็กคือ - อย่าให้แสงแดดส่องเข้าใบหน้าเด็กตรงๆจะทำให้เด็กมีนัยตาหยีและหน้าตาดูกร้านเกินวัย - อย่าถ่ายภาพเด็กไกลเกินไป จะได้ภาพเล็กยากที่จะขยายให้ดีได้ - อย่าเลือกถ่ายตรงสถานที่ที่มีฉากหลังยุ่งเหยิง
3. ในการถ่ายภาพหมู่ที่เป็นการเป็นงาน ช่างภาพควร จัดให้นั่งหรือยืนกันเป็นแถวให้สวยงาม แต่ในกรณี การถ่ายภาพโดยทั่วไปที่ไม่เป็นการเป็นงานนั้น ควรชวนให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปสิ่งหนึ่งรวมกัน และ ควรจัดตำแหน่งของคนในภาพให้ศีรษะผู้ที่เป็นแบบเรียงกันให้สวยงาม อย่าซ้อนกันเป็นเส้นตรงขนานกันไป แต่ควรจัดแนวศีรษะอยู่ในรูปสามเหลี่ยมจะ ทำให้ภาพดูเด่นและน่าสนใจขึ้น
4.ในการให้แสงเพื่อแสดงลักษณะของบุคคล จัดลักษณะของแสงและทิศทางที่มาของแสงให้เหมาะกับวัตถุที่ถ่าย แสงกระจายนุ่มๆ และการให้แสงแบบแบนๆจะให้ความนุ่มนวลและเป็นความรู้สึกที่เหมาะ สมกับวัตถุที่อยู่นิ่งๆ ให้อารมณ์หรือบรรยากาศเคร่งขรึมแสงจัด เป็นแสงหนักและให้ความรู้สึกเปิดเผย แสงที่มาในแนวเฉียง เหมาะสำหรับบุคคลที่ให้อารมณ์และบรรยากาศตื่นเต้น พยายามหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพในตอนเที่ยงวัน เพราะแสงแรงและจะเกิดเงาใต้ตาไม่สวยงามและอย่าพยายามบังคับให้ผู้ถูกถ่าย หันหน้าเข้าดวงอาทิตย์ ควรใช้แสงแนวเฉียงเข้าเหนือศีรษะจะช่วยแยกผมออกจากผิวพื้น ภาพบุคคลจะเด่นขึ้น
การถ่ายภาพบุคคลโดยใช้แสงไฟประดิษฐ์หรือแสงไฟจัดถ่ายใน สตูดิโอนั้น เราจำเป็นต้องรู้ไฟพื้นฐานที่ใช้ในการถ่ายภาพเสียก่อน ซึ่งไฟที่ใช้ในการถ่ายรูปมีอยู่ 4 ดวง คือ
1. แสงหลัก เป็นแสงที่จะสว่างที่สุดบนสิ่งถูกถ่าย เนื่องจากในแสงธรรมชาติปกติมักจะมาจากทางด้านบนดังนั้นแสงหลักจึงมักนิยมที่จะวางไว้เหนือสิ่งที่ถูกถ่ายและส่องสว่างลงมาเฉียงด้านหน้า สำหรับการถ่าย protrait นั้น จะวาง Key light เอาไว้ให้ทำมุมกล้องประมาณ 45 องศา ทางด้านซ้ายหรือด้านขวาของกล้องและวางมุมประมาณ 40-60 องศา เหนือศีรษะ บางครั้งการจัดแสง Key light ถ่ายภาพบุคคลก็จะทำให้นุ่มขึ้นและเกิดเงาน้อย โดยใช้แผ่นสะท้อนแสงการถ่ายภาพวัตถุให้ถูกสิ่งที่ถูกถ่ายเห็นรูปทรง ลวดลายหรือ พื้นผิวของวัตถุมักจะวาง Key light ไว้ด้านบนเฉียงวัตถุนั้นตำแหน่งนี้บางทีเรียกว่า Key backlighting
2. แสงเสริมหรือแสงส่วนเงา เป็นแสงที่ใช้ลบเงาซึ่งเกิดจากแสงหลัก เพิ่มรายละเอียดในส่วนเงาให้มากขึ่น ทำให้เห็นวัตถุเพิ่มขึ้นเป็น 3 มิติ โดยทั่วไปมักใช้แหล่งของแสงที่เป็น diffuse lightเช่นใช้แสงสะท้อนหรือไฟร่มตำแหน่งที่วางไฟเสริมนี้ตามปกติมักวางเอาไว้ข้างกล้องด้านตรงข้ามกับแสงหลักและอยู่ระดับเดียวกับกล้องต้องระวังไม่ให้เกิดเงาซ้อนขึ้นอีกเงาหนึ่ง ควรทดลองเลื่อนหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้มีความเข้มของแสงตามที่ต้องการ ส่วนที่เป็นเงามืดนี้จะมีความสว่างมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับผู้ที่ต้องการให้อัตราส่วนของแสงส่วนเงากับความสว่างของแสงหลักเป็นเท่าใด และถ้าหากต้องการให้แสงสว่างส่วนเงามีความสว่างมากน้อยก็ใช้วิธีเลื่อนดวงไฟให้อยู่ใกล้หรือไกลออกไปหรือใช้กระดาษบังไฟให้อ่อนลง
3. แสงแยกหรือแสงเน้นรูปทรง เป็นแสงที่ใช้เพิ่มเติมในการถ่ายภาพในสถานที่เพื่อช่วยให้เห็นรูปทรงของวัตถุเพิ่มมิติที่สามด้านความลึกและช่วยให้แยกวัตถุให้เด่นออกมาจากฉากหลัง ปกติมักตั้งไฟไว้ในทิศทางตรงกันข้ามกับ Keylight ในมุมสูง เฉียงหลัง และส่องเป็นบริเวณเฉพาะจุดเท่านั้นแสงแยกที่เรียกกันทั่วๆไปอีกอย่างหนึ่งก็คือ hair light โดยใช้ไฟขนาดเล็ก มีขาตั้งส่องในบริเวณของผู้ที่ถูกถ่าย ทำให้เกิด hair light ขึ้นที่บริเวณผมและไฟล่ด้านข้าง ข้อที่ควรระวังก็คือ จะต้องไม่ให้แสง hair light ไปตกบริเวณใบหน้าทำให้เกิด highlight ปรากฏที่ใบหน้าอีกแห่งหนึ่งถ้าจัดดวงไฟ spot light วางไว้ด้านหลังค่อนไปข้างบน ของผู้ที่ถูกถ่ายหรือหลังศีรษะจะทำให้เกิดแสง highlight ที่ขอบเรียกว่า backlight หรือ kicker ข้อควรระวังอีกประการหนึ่งคือ เมื่อใช้แสงแยกจะทำให้เครื่องวัดแสงอ่านค่าผิดไป ทำให้การถ่ายภาพ under exposure ในส่วนของ key & fill light ดังนั้นเมื่อวัดแสงไม่ควรเปิดไฟแสงแยก
4. แสงพื้นหลัง ใช้แสงจากหลอดไฟขนาดเล็กวางระหว่างวัตถุกับฉากหลัง เพื่อให้ฉากหลังสว่างขึ้นตามปริมาณแสงที่ต้องการ เพื่อแยกวัตถุจากพื้นหลัง ข้อระวังคือ ไม่ควรให้มองเห็นดวงไฟในกล้องแบบของการ จัดไฟถ่ายภาพบุคคลความสว่างของไฟหลักมี 3 แบบ คือ 1) จัดลำแสงให้กว้าง ( Broad lighting )ให้แสงเต็มใบหน้าด้านที่หันเข้าหากล้อง มักใช้ถ่ายกับคนที่หน้าแคบ จะมีปริมาณแสงในส่วนhighlight ที่หน้าประมาณ 4 ส่วน และบริวณ shadow 1 ส่วน 2) จัดให้ลำแสงแคบ (Short lighting หรือ Narrow ) ให้แสงเต็มบริเวณใบหน้าที่หันหนีจากกล้อง ใช้กับคนใบหน้ากว้างหรือรูปไข่ จะมีปริมาณแสงในส่วน highlight ประมาณ 1/4 ส่วน และในบริเวณ shadow 3/4 ส่วน 3) จัดให้เกิดเงารูปผีเสื้อใต้จมูก ( Butterfly lighting ) วางไฟหลักไว้ด้านบน เมื่อฉายแสงตรงๆ ลงด้านหน้า จะเห็นเงาใต้จมูกเป็นรูปผีเสื้อ เหมาะสำหรับคนใบหน้ารูปไข่